วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555



      กระผมคิดว่าจะไม่เขียนถึงกรณีนี้ เพราะเห็นว่าไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกรณีในเรื่องปัญหา ปาเลสไตน์ หรือการก่อการร้อยการเมืองและเหตุการณ์ในปัจจุบันที่อิสลามเข้าไปเกี่ยวข้อง  และยากที่จะเขียนออกมาออกมาแล้วจะไม่ถูกมองไปในแง่มุมต่างๆ  แต่เรื่องนี้ก็มีคนกล่าวถึงบ่อยๆในกรณีต่างๆบางทีก็ในแง่สนุก หรืออย่างอื่น แต่ประวัติศาสตร์ในเรื่องนี้ของท่านก็มีจริง          
                        "ท่านนบีมุฮัมหมัด ซ.ล. มีภรรยาหลายคนอันเป็นไปตามคำบัญชาของอัลเลาะฮ์ มิได้เกิดจากความมักมากทางกามรมณ์ หรือมีตัณหาราคะรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้ด้วยเหตุสองประการคือ
                           1 ภาวะการมีภรรยาหลายคนของท่านนบีปรากฏขึ้น หลังจากที่ท่านบรรลุวัยชราแล้ว คือ ท่านอายุเข้าวัย 50 ปี
                           2 บรรดาภรรยาทั้งหมดของท่าน เป็นหญิงหม้าย มีอายุล่วงเข้าสู่วัยชราเช่นเดียวกัน ท่านมีภรรยาที่เป็นสาวโสดเพียงท่านเดียว คือ นาง อาอิชะฮ์ รฎิยัลลอฮุอันฮา
                            ดังนั้นการที่มีผูใส่ใคล้ว่า ท่านนบีแต่งงานเนื่องจากมีตัณหาราคะสูง หรือต้องการสนุกสนานในทางเพศจึงไม่เป็นจริงแต่อย่างใด ภรรยาของท่านนบีได้แก่
                            นางคอดีะฮ์ บินตุวัยลิด เป็นภรรยาคนแรกของท่านนบี ก่อนหน้าที่นางจะแต่งงานกับท่านนบี นางได้แต่งงานกับ ซะอด์ นางคอดีญะฮ์ มีบุตรกับ ซุอด์ 1 คน ต่อมาได้ถึงแก่กรรม.....ขณะแต่งงานท่านนบีอายุ 25 ปี นางคอดีญะฮ์ อายุ 40 ปี ท่านนบีอยู่กินกับนางเป็นเวลา  25 ปี ระหว่างที่นางมีชีวิตอยู่ ท่านนบีมิได้แต่งงานใหม่กับหญิงใดเลย  จนกระทั่งนางถึงแก่กรรมขณะอายุได้ 65 ปี ท่านนบีอายุ 50 ปี
                       นาง อาอิชะฮ์ ฯ นางเป็นภรรยที่เป็นสาวโสดคนเดียวของท่านนบี    (หลังจากที่นางคอดีญะฮ์จากไป)
                        นางรอมละฮ์ บินตะ อบีซุฟยาน ......ก่อนหน้านั้นนางแต่งงานกับอับดุลเลาะฮ์ อิบนิญะฮซ์ ทั้งสองได้อพยพไปเอธิโอเปีย และอับดุลเลาะฮ์ ได้เข้ารีตเป็นคริสเตียน และได้ถึงแก่กรรมลง ส่วนนางปฏิเสธที่จะนับถือศาสนาคริสต์ และยืนยันในการนับถืออิสลาม ท่านนบีจึงได้แต่งงานกับนาง
                      นางมารียะฮ์ อัลกิบฏียะฮ์ ซึ่ง มุเกากิส กษัตริย์อียิป์ ได้มอบให้เป็นของขวัญ
                 .............บุตรของท่านนบีมี 7 คน ถึงแก่กรรมก่อนท่าน นอกจาก ฟาติมะฮ์ ซึ่งถึงแก่กรรมหลังจากที่ท่านนบีถึงแก่กรรมได้ 6 เดือน
                         (ชีวประวัติ นบีมุฮัมหมัด ซ.ล. โดย มุนีร(สมศักดิ์) มูหะหมัด น. 173-178)
                          เหตุผลบางประการที่ฉันอยากเสริมคือ ผู้หญิงอาหรับแต่ก่อนนั้นจะมีความลำบากมาก หากสามีของนางตาย และนางไม่มีใครคอยปกป้องดูแลนางและลูกๆ  บางเงื่อนไขการแต่งงานก็เป็นเรื่องการเมือง ก็เหมือนกับกษัตริย์โบราณเจริญไมตรีกันเหลือบๆมองดูรอบๆตัวเราซิ มีประวัติศาสตร์ทำนองนี้มากมาย และอันที่จริงท่านนบีในเวลานั้นก็ไม่ต่างจากกษัตริย์แห่งอารเบียหรอก เพราะท่านคือผู้รวบรวมชนเผ่าอาหรับแห่งแหลมอารเบียทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทั้งที่ไม่เคยมีการรวมกันมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ 
                      และนี่คือประวัติ ของศาสนทูตมูฮัมหมัด ศาสนทูตที่มุสลิมเชื่อว่าเป็นศาสนทูตองค์สุดท้านของโลกที่พระเจ้าส่งมา แบบย่อๆแล้วนะ  ท่านคือผู้ที่นำคัมภีร์ที่มุสลิมเชื่อตามที่ท่านว่า เป็นดำรัสของพระเจ้าทั้งหมดทุกโองการมาสู่มนุษย์ เป็นคัมภีร์ที่ตั้งใจทำและเรียบเรียงเสร็จตั้งแต่ในยุคของท่านศาสดา แม้ยังไม่มีกระดาษหรือระบบการพิมพ์ก็ตาม 
                     เป็นคัมภีร์ที่ตกทอดรักษาและอ่านด้วยภาษาเดิม ซึ่งมุสลิมยึดถือมิให้คงรูปแบบทุกถ้อยคำไม่ให้เปลี่ยนแปลง  ฉันจะนำคัมภีร์นี้มาใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงในลำดับต่อไป  และเมื่อถึงตอนนั้นจะได้หมดประเด็นที่ว่า ใครนำคัมภีร์นี้มา และตกทอดมาสู่เราได้อย่างไร   ฉบับนี้ฉันขอจบตรงนี้นะ ฉบับหน้าเราจะพูดเรื่องใหม่กัน  ในประเด็นของคัมภีร์
                             ขอพระเจ้าทรงเมตตา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น